พื้น Epoxy Anti-Static คืออะไร?

พื้น Epoxy Anti-Static คือระบบเคลือบพื้น Epoxy ทั่วไปที่ถูกพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการสะสมของไฟฟ้าสถิตบนพื้นผิว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ห้องคลีนรูม ห้องเซิร์ฟเวอร์ หรือห้องควบคุมระบบอัตโนมัติ ที่ไฟฟ้าสถิตสามารถก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้
การติดตั้งระบบพื้นนี้ไม่ใช่แค่การลง Epoxy ธรรมดา แต่ต้องมีการ ออกแบบชั้นป้องกันไฟฟ้าสถิตโดยเฉพาะ เช่น ชั้นนำไฟฟ้า (Conductive Layer) การเดินระบบ Ground และการตรวจสอบค่าความต้านทานหลังติดตั้ง

มาตรฐานค่าความต้านทานไฟฟ้าของพื้น Epoxy Anti-Static
พื้น ESD ที่ดีต้องมีค่าความต้านทานไฟฟ้า (Electrical Resistance) อยู่ในระดับที่ปลอดภัย โดยอิงตามมาตรฐานสากล เช่น ANSI/ESD S20.20 หรือ IEC 61340-5-1:

ขั้นตอนการออกแบบระบบพื้น Epoxy Anti-Static ให้ได้มาตรฐาน

1. วิเคราะห์ความต้องการของพื้นที่ใช้งาน

- พื้นที่มีความเสี่ยงต่อไฟฟ้าสถิตหรือไม่
พื้นที่แห้ง เย็น หรือมีความชื้นต่ำ มีแนวโน้มเกิดการสะสมไฟฟ้าสถิตสูง เช่น ห้องแล็บ หรือห้องปรับอากาศที่มีระบบกรองฝุ่น
หากมีวัตถุเคลื่อนที่ เช่น รถเข็น ล้อเลื่อน หรือคนเดินบ่อย จะเกิดการเสียดสีที่กระตุ้นให้เกิดไฟฟ้าสถิตง่ายขึ้น
- มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบควบคุมที่ต้องการการปกป้องหรือไม่
ตัวอย่างเช่น ห้องประกอบ PCB, ห้อง Server, ห้องควบคุม PLC
หากไม่มีการป้องกัน อาจเกิดการช็อตวงจร ทำให้ชิ้นส่วนเสียหาย หรือเกิดสัญญาณรบกวนในระบบควบคุมได้
- ความหนาแน่นของการใช้งานพื้นในแต่ละวัน
หากมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องทั้งวัน เช่น โรงงานผลิตแบบ 3 กะ หรือคลังสินค้าที่มีรถโฟล์คลิฟท์เข้า-ออกบ่อย การสะสมประจุไฟฟ้าจะยิ่งมาก และเสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากขึ้น จำเป็นต้องมีระบบระบายประจุที่มีประสิทธิภาพ

2. เลือกระบบ Epoxy Anti-Static ที่เหมาะสม

ระบบพื้นจะประกอบด้วย หลายชั้น โดยแต่ละชั้นมีหน้าที่เฉพาะ และ ชั้นที่สำคัญที่สุดสำหรับการป้องกันไฟฟ้าสถิต คือ Conductive Layer ดังนี้:
- Primer
เป็นชั้นสารรองพื้น ใช้เพิ่มแรงยึดเกาะระหว่างคอนกรีตกับชั้นเคลือบ Epoxy ด้านบน ป้องกันการหลุดร่อนและช่วยลดการดูดซึมความชื้นจากพื้นผิว
- Copper Tape
แถบทองแดงที่ติดตั้งบริเวณใต้ชั้นนำไฟฟ้า ใช้เป็นเส้นทางลัดให้ไฟฟ้าสถิตไหลออกจากระบบพื้นสู่จุดกราวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องติดตั้งตามแบบแผนเพื่อเชื่อมต่อกับระบบ Ground
- Conductive Layer (สำคัญที่สุด)
เป็นชั้นที่มีการผสม สารนำไฟฟ้า เช่น คาร์บอนแบล็ค (Carbon Black) หรือโลหะละเอียด เพื่อช่วยกระจายประจุไฟฟ้าสถิตไปยัง Copper Tape และสู่ระบบ Ground ได้อย่างรวดเร็ว

- Topcoat (ESD Epoxy Coating)
ชั้นเคลือบผิวหน้าที่สัมผัสโดยตรงกับผู้ใช้งาน สามารถเป็น: Epoxy Coating หรือ Epoxy Self-Leveling / พื้นผิวเงางามหรือด้านก็ได้ / เลือกเฉดสีได้ เช่น เทา เขียว น้ำเงิน ขาว ตามความต้องการของสถานที่ ทั้งนี้ ต้องเลือกสูตรที่ยังคงค่าความต้านทานไฟฟ้าตามมาตรฐานที่ต้องการ

3. การติดตั้งระบบ Ground

ระบบ Ground คืออะไร?

ระบบ Ground หรือระบบกราวด์ คือการเชื่อมต่อพื้นผิวที่อาจมีประจุไฟฟ้า เช่น พื้น Epoxy กับพื้นโลก เพื่อให้ประจุไฟฟ้าสถิตสามารถไหลออกจากระบบได้อย่างปลอดภัย โดยไม่สะสมอยู่บนพื้นผิว เครื่องจักร หรือในตัวบุคคลที่สัมผัสกับพื้น
ระบบนี้คล้ายกับการต่อสายดินในระบบไฟฟ้า ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่วหรือกระแสไฟฟ้าสถิตสะสม
ในการติดตั้งพื้น Epoxy Anti-Static ต้องมีการวางระบบ Ground อย่างถูกต้อง โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- เชื่อมต่อ Copper Tape กับระบบ Ground อย่างถูกต้อง
Copper Tape ทำหน้าที่เป็นตัวนำประจุจากชั้นนำไฟฟ้าให้ไหลเข้าสู่จุดกราวด์
การติดตั้งควรเว้นระยะอย่างเหมาะสม เช่น ทุก 3–5 เมตร พร้อมตรวจสอบการเชื่อมต่อจริงไปยังระบบ Ground ของอาคาร
- ตรวจสอบค่าความต้านทานของจุดต่อกราวด์
ค่าที่เหมาะสมควร ต่ำกว่า 1 Ohm เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไฟฟ้าสถิตจะถูกระบายออกได้รวดเร็วและต่อเนื่อง
- ทดสอบความต่อเนื่องทางไฟฟ้า
หลังติดตั้งเสร็จ ต้องใช้เครื่องมือวัดความต่อเนื่อง (Continuity Test) เพื่อยืนยันว่าระบบ Copper Tape, ชั้นนำไฟฟ้า และพื้นผิว Topcoat เชื่อมต่อถึงกันครบถ้วน หากมีจุดใดขาด จะไม่สามารถระบายไฟฟ้าสถิตได้

4. ตรวจสอบคุณภาพและค่าความต้านทานหลังติดตั้ง

เพื่อให้มั่นใจว่าพื้น Epoxy Anti-Static ที่ติดตั้งมีประสิทธิภาพตามมาตรฐาน ควรดำเนินการตรวจสอบดังนี้:
ใช้เครื่องมือ Surface Resistance Meter
สำหรับวัดค่าความต้านทานผิวของระบบพื้น ค่าที่วัดได้ควรอยู่ในช่วงที่กำหนดไว้ เช่น:
พื้น Conductive: 10⁴ – 10⁶ โอห์ม
พื้น Dissipative: 10⁶ – 10⁹ โอห์ม

- เปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานในแผนงาน
หากพื้นวัดได้ค่าอยู่นอกช่วง อาจต้องซ่อมแซมหรือเคลือบซ้ำ
- ตรวจเช็กจุด Hot Spot
Hot Spot คือบริเวณที่มีค่าความต้านทานสูงผิดปกติ ซึ่งมักเกิดจากการเคลือบไม่ทั่วถึง หรือการเชื่อมต่อกับระบบกราวด์ไม่สมบูรณ์
จุดเหล่านี้อาจสะสมไฟฟ้าสถิต และเสี่ยงต่อการช็อตอุปกรณ์หรือเกิดประกายไฟ

ข้อดีของพื้น Epoxy Anti-Static ที่ออกแบบได้ตามมาตรฐาน

1.ลดความเสี่ยงของการช็อตวงจรหรืออุปกรณ์เสียหาย
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบควบคุมไฟฟ้า
2.ป้องกันการเกิดประกายไฟในพื้นที่ไวไฟ
เช่น ห้องผสมสารเคมี ห้องเก็บเชื้อเพลิง หรือลานผลิตที่มีไอระเหยไวไฟ
3.รองรับการตรวจสอบจากลูกค้า หรือผ่านมาตรฐานคุณภาพต่าง ๆ
เช่น ISO 9001, ISO 14644, GMP, HACCP และการตรวจสอบด้าน ESD จากบริษัทลูกค้า
4.ยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ลดความเสียหายจากประจุไฟฟ้าสถิตที่มองไม่เห็นแต่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์
สรุป
การออกแบบพื้น Epoxy Anti-Static ที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่เพียงการเลือกวัสดุที่ดี แต่ต้องเริ่มตั้งแต่ การวิเคราะห์พื้นที่, การออกแบบระบบนำไฟฟ้า, การติดตั้งระบบ Ground ที่ถูกต้อง, และ การตรวจสอบคุณภาพหลังติดตั้ง อย่างครบถ้วน
หากขั้นตอนเหล่านี้ดำเนินการอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ระบบพื้นสามารถควบคุมไฟฟ้าสถิตได้จริง ลดความเสี่ยงต่อความเสียหาย และเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ทำงานอย่างแท้จริง

     หากคุณกำลังมองหาพื้น Epoxy Anti-Static ที่ได้มาตรฐาน ทนทาน และปลอดภัยสำหรับโรงงานหรืออาคารของคุณ บริษัท เอ็นเค ฟลอร์ อินโนเวชั่น จำกัด มีความเชี่ยวชาญในด้านการติดตั้งและเคลือบพื้น Epoxy และ PU ทุกชนิด ด้วยทีมช่างผู้มีประสบการณ์ เราพร้อมให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษา ตรวจดูหน้างานฟรี ไปจนถึงการติดตั้งที่ใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อให้คุณได้พื้นผิวที่ตรงตามความต้องการและคุ้มค่าที่สุด

 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ติดต่อวันนี้ สอบถาม ดูหน้างานฟรี:

บริษัท เอ็นเค ฟลอร์ อินโนเวชั่น จำกัด 

โทร: 091-779-9214 (คุณนี)

email : nkfloorinnovation@gmail.com

LINE: @epoxy-nk , nee-kran